ReadyPlanet.com


ดาวอังคารหรือดาวไฟ


 

ดาวอังคาร: สิ่งที่พวกเราทราบเกี่ยวกับดาวพระเคราะห์สีแดง

ดาวอังคารเป็นดาวพระเคราะห์ดวงลำดับที่สี่จากพระอาทิตย์ เหมาะสมกับสีเลือดของดาวพระเคราะห์แดงชาวโรมันตั้งชื่อตามเทพเทวดาที่การศึก ความเป็นจริงแล้วชาวโรมันลอกชาวภาษากรีกโบราณซึ่งตั้งชื่อดาวพระเคราะห์นี้ตามเทพเทวดาที่การทำศึกว่าแอรีส อารยธรรมอื่นๆมักตั้งชื่อดาวพระเคราะห์ตามสีของมันเป็นต้นว่าชาวอียิปต์ตั้งชื่อดาวพระเคราะห์ว่า "เฮอร์เดเชอร์" หมายความว่า "ดวงสีแดง" ในขณะนักดาราศาสตร์จีนโบราณเรียกดาวดวงนี้ว่า "ดาวที่ไฟ"         บาคาร่า

 

ลักษณะด้านกายภาพ

ดาวอังคารสีสนิมแจ่มใสเป็นที่เข้าใจกันอยู่ว่ามีต้นเหตุจากธาตุที่อุดมด้วยเหล็กในเรโกลิ ธ หมายคือฝุ่นผงรวมทั้งหินที่เกาะอยู่บนผิวของมัน ดินของโลกก็เป็นธาตุประเภทหนึ่งเช่นเดียวกันถึงแม้ดินจะเต็มไปด้วยสารอินทรีย์ จากข้อมูลของ NASA แร่เหล็กออกสิไดซ์หรือสนิมทำให้ดินมีสีแดง

 

บรรยากาศที่เย็นแล้วก็บางเบาแสดงว่าน้ำเหลวไม่น่าจะมีอยู่บนผิวดาวอังคารได้ตลอดเวลา คุณสมบัติที่เรียกว่าเส้นเอียงที่เกิดขึ้นประจำอาจมีน้ำขุ่นไหลบนผิว แต่ว่าหลักฐานนี้เป็นที่โต้เถียงกัน นักวิทยาศาสตร์บางบุคคลคัดค้านว่าไฮโดรเจนที่เจอจากเส้นทางโคจรในภูมิภาคนี้บางทีอาจบอกถึงเกลือที่มีขนาดเล็ก ซึ่งก็กล่าวได้ว่าถึงแม้ว่าดาวพระเคราะห์ทะเลทรายนี้จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางเพียงแต่ครึ่งเดียวของโลก แต่ว่าก็มีพื้นที่แห้งเสมอกัน

 

ดาวพระเคราะห์สีแดงเป็นที่ตั้งของทั้งยังเทือกเขาที่สูงที่สุดแล้วก็ช่องเขาที่ลึกที่สุดแล้วก็ยาวที่สุดในระบบสุริยะ Olympus Mons มีความสูงราวๆ 17 ไมล์ (27 กิโล) สูงขึ้นมากยิ่งกว่ายอดดอยเอเวอเรสต์โดยประมาณสามเท่าเวลาที่ระบบ Valles Marineris ของซอกเขาซึ่งตั้งชื่อตามยานตรวจสอบ Mariner 9 ที่ศึกษาค้นพบในปี 1971 มีความลึกถึง 6 ไมล์ (10 กิโลเมตร ) และก็วิ่งไปทางทิศตะวันออก - ตะวันตกเป็นระยะทางโดยประมาณ 2,500 ไมล์ (4,000 กิโลเมตร) ราวๆ 1 ใน 5 ของระยะทางรอบดาวอังคารและก็ใกล้เคียงกับความกว้างของประเทศออสเตรเลีย

 

นักวิทยาศาสตร์มีความรู้สึกว่า Valles Marineris โดยมากมีต้นเหตุที่เกิดจากการแตกของเปลือกโลกเมื่อมันยืดออก แต่ละช่องเขาด้านในระบบมีความกว้างสูงถึง 60 ไมล์ (100 กิโลเมตร) ซอกเขารวมอยู่ในภาคกึ่งกลางของ Valles Marineris ในภูมิภาคที่กว้างถึง 370 ไมล์ (600 กิโลเมตร) ช่องขนาดใหญ่ที่โผล่ออกมาจากปลายช่องเขาและก็ชั้นขี้ตะกอนข้างในชี้ว่ากาลครั้งหนึ่งซอกเขาบางทีอาจเต็มไปด้วยน้ำเหลว

 

ดาวอังคารยังมีภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ Olympus Mons เป็นเลิศในนั้น ภูเขาไฟขนาดใหญ่ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางโดยประมาณ 370 ไมล์ (600 กิโลเมตร) นั้นกว้างพอที่จะปกคลุมเมืองนิวเม็กซิโก โอลิมปัสมอนส์เป็นภูเขาไฟรูปโล่โดยมีความเอียงชันที่เบาๆสูงมากขึ้นเสมือนภูเขาไฟฮาวายแล้วก็ถูกผลิตขึ้นโดยการปะทุของลาวาที่ไหลเป็นระยะระยะไกลก่อนจะแข็ง ดาวอังคารยังมีลักษณะของภูเขาไฟจำพวกฯลฯตั้งแต่กรวยขนาดเล็กที่สูงชันไปจนกระทั่งที่ราบขนาดใหญ่โตมโหฬารที่ฉาบด้วยลาวาที่แข็ง การปะทุน้อยบางสิ่งบางอย่างบางทีอาจยังคงเกิดขึ้นบนโลก

ช่องช่องเขาแล้วก็นกนางนวลมีอยู่ทั่วดาวอังคารรวมทั้งทำให้เห็นว่าอาจมีน้ำของเหลวไหลผ่านผิวดาวนพเคราะห์ในตอนไม่กี่ปีให้หลัง บางช่องอาจมีความกว้าง 60 ไมล์ (100 กิโลเมตร) และก็ยาว 1,200 ไมล์ (2,000 กิโลเมตร) น้ำบางทีอาจยังคงอยู่ในรอยแตกรวมทั้งรูพรุนในหินใต้ดิน การเรียนของนักวิทยาศาสตร์ในปี 2018 ทำให้เห็นว่าน้ำทะเลใต้ผิวดาวอังคารสามารถเก็บกักออกสิเจนไว้ได้มากมายซึ่งจะช่วยเหลือชีวิตของจุลชีพ แม้กระนั้นจำนวนออกสิเจนขึ้นกับอุณหภูมิและก็ความดัน อุณหภูมิบนดาวอังคารมีการเปลี่ยนเป็นบางครั้งบางคราวเนื่องด้วยการเอียงของแกนการหมุนของมันแปรไป

 

หลายพื้นที่ของดาวอังคารเป็นที่ราบที่มีที่ราบต่ำ ที่ราบต่ำสุดทางภาคเหนือเป็นเยี่ยมในสถานที่ที่เรียบรวมทั้งเรียบที่สุดในระบบสุริยะซึ่งอาจจะเกิดขึ้นเนื่องมาจากน้ำที่เคยไหลผ่านผิวดาวอังคาร ซีกโลกเหนือโดยมากอยู่ที่ระดับความสูงต่ำยิ่งกว่าซีกโลกใต้ซึ่งระบุว่าเปลือกโลกทางทางเหนือบางทีอาจบางมากยิ่งกว่าทางตอนใต้ ไม่เหมือนกันระหว่างทิศเหนือและก็ทิศใต้นี้บางทีอาจเพราะว่าผลพวงเป็นอย่างมากข้างหลังการเกิดของดาวอังคารไม่นาน

ปริมาณหลุมอุกกาบาตบนดาวอังคารนาๆประการเป็นอย่างมากในแต่ละที่ขึ้นกับว่าผิวนั้นแก่เท่าไร ผิวจำนวนมากของซีกโลกใต้แก่มากมายและก็มีหลุมอุกกาบาตเยอะแยะอย่างเช่น Hellas Planitia ที่ใหญ่ที่สุดในโลกกว้าง 1,400 ไมล์ (2,300 กิโล) เวลาที่ซีกโลกเหนือแก่น้อยกว่าและก็มีหลุมอุกกาบาตน้อยกว่า ภูเขาไฟบางที่ยังมีหลุมอุกกาบาตบางพื้นที่ซึ่งทำให้เห็นว่าเพิ่งจะปะทุเมื่อเร็วๆนี้โดยลาวาที่เกิดขึ้นได้ปกคลุมหลุมอุกกาบาตเก่าๆหลุมอุกกาบาตบางที่มีเศษซากที่มองแตกต่างจากปกติอยู่บริเวณพวกเขาคล้ายกับการไหลของโคลนที่แข็งซึ่งบางทีอาจระบุว่าผลพวงชนกับน้ำบาดาลหรือน้ำแข็ง

 

ในปี 2018 ยานอวกาศ Mars Express ของ European Space Agency ได้ตรวจเจอสิ่งที่บางทีอาจเป็นน้ำรวมทั้งเมล็ดพืชใต้น้ำแข็ง Planum Australe (รายงานบางฉบับบอกว่าเป็น "ทะเลสาบ" แต่ว่ายังไม่ชัดแจ้งว่ามีแร่หินอยู่ในน้ำมากมายแค่ไหน) พูดกันว่าแหล่งน้ำนี้มีความยาวราวๆ 12.4 ไมล์ (20 กิโล) ตำแหน่งใต้ดินของมันเชิญชวนให้ระลึกถึงทะเลสาบใต้ดินที่คล้ายคลึงกันในแอนตาร์กติกาซึ่งพบว่ามีจุลอินทรีย์เป็นเจ้าภาพ ในช่วงปลายปี Mars Express ยังสืบพื้นที่น้ำแข็งขนาดใหญ่ใน R



ผู้ตั้งกระทู้ ไลอา :: วันที่ลงประกาศ 2021-02-17 16:39:09


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



เลือกความปลอดภัยเลือกใช้ "ซีอีโอ"